Chat with us, powered by LiveChat

ประกันตัว

ประกันตัว

A. ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการอย่างไร
B. ประกันตัวในศาลชั้นต้นต้องดำเนินการอย่างไร
C. ประกันตัวในศาลชั้นอุทธรณ์ทำอย่างไร
D. ประกันตัวในศาลฎีกาทำอย่างไร
E. ใครมีสิทธิยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราว
F. หลักทรัพย์ที่นำมาประกันตัวมีอะไรบ้าง
G. เงินประกันตัวจะได้คืนเมื่อไหร่
H. ศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ปล่อยตัวชั่วคราว
I. อัตราเงินประกันในแต่ละประเภทคดี

***************************************

A. การประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเป็นกระบวนการเพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก่อนการพิจารณาคดี นี่คือขั้นตอนการดำเนินการดังกล่าว:

1. **การยื่นคำร้องขอประกันตัว**:
- ยืนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพนักงานสอบสวน
- ในคำร้องควรระบุเหตุผลที่ควรได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เช่น เป็นบุคคลที่มีที่อยู่แน่นอนไม่หลบหนี หรือมีภาระทางครอบครัวที่ต้องดูแล เป็นต้น

2. **เตรียมหลักทรัพย์สำหรับการประกันตัว**:
- หลักทรัพย์ที่ใช้ประกันตัวอาจเป็นเงินสด, โฉนดที่ดิน, หรือหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร
- มูลค่าหลักทรัพย์ต้องสัมพันธ์กับความก้าวหน้าของคดีและสถานะของผู้ต้องหา

3. **ยืนยันตัวตนของผู้ประกัน**:
- ผู้ที่เข้ามาประกันต้องแสดงบัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตน
- อาจต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองจากญาติหรือเพื่อนบ้าน

4. **ตรวจสอบและประเมินคำร้อง**:
- พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบคำร้องและหลักฐานที่แนบมา
- หากเห็นว่ามีมาตรการที่เหมาะสมและไม่มีเหตุให้ปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจะอนุมัติการประกันตัว

5. **การทำสัญญาประกันตัว**:
- ผู้ประกันและผู้ต้องหาจะต้องลงนามในสัญญาประกันตัว
- สัญญาจะระบุถึงข้อเรียกร้องและข้อกำหนดในการปล่อยตัว เช่น การรายงานตัวตามกำหนด หรือการไม่กระทำผิดเพิ่มเติม

6. **การปล่อยตัวผู้ต้องหา**:
- หลังจากได้รับอนุมัติและทำสัญญาเรียบร้อย พนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวผู้ต้องหา
- ผู้ต้องหาอาจได้รับเอกสารยืนยันการปล่อยตัว ซึ่งต้องพกพาไว้จนกว่าจะมีการพิจารณาคดี

7. **การรายงานตัวตามข้อกำหนด**:
- ผู้ต้องหาต้องรายงานตัวตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
- หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือมีการหลบหนี คำประกันอาจถูกยกเลิก

การปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นอย่างเคร่งครัด และการมั่นใจในความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารและหลักฐาน จะช่วยให้กระบวนการประกันตัวเป็นไปอย่างราบรื่น

***************************************

B. การประกันตัวในศาลชั้นต้นเป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยสามารถขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวได้ นี่คือขั้นตอนการดำเนินการ:

1. **การยื่นคำร้องขอประกันตัว**:
- ยื่นคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาล
- คำร้องควรมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมควรได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เช่น ไม่มีประวัติการหลบหนี มีที่อยู่แน่นอน หรือเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์

2. **เตรียมหลักทรัพย์สำหรับการประกันตัว**:
- หลักทรัพย์ที่ใช้ในการประกันตัวอาจเป็นเงินสด โฉนดที่ดิน หรือหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร
- มูลค่าหลักทรัพย์ต้องสัมพันธ์กับลักษณะและความร้ายแรงของคดี

3. **จัดเตรียมเอกสาร**:
- บัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตนของผู้ประกันและผู้ต้องหา
- เอกสารรับรองสถานะของหลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หรือเอกสารรับรองจากธนาคาร

4. **การพิจารณาคำร้องโดยศาล**:
- ศาลจะพิจารณาคำร้องโดยดูจากความเหมาะสมของเหตุผลที่แสดงในคำร้อง รวมถึงหลักทรัพย์ที่นำมายื่นประกอบ
- การพิจารณาอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี

5. **การทำสัญญาประกันตัว**:
- หากศาลเห็นควรให้ประกันตัว ผู้ต้องหาและผู้ประกันจะต้องทำสัญญาประกันตัว
- สัญญาจะระบุถึงเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การรายงานตัวต่อศาลตามกำหนด หรือการไม่กระทำผิดเพิ่มเติม

6. **การปล่อยตัวผู้ต้องหา**:
- หลังจากทำสัญญาประกันตัวและได้รับการยืนยันจากศาล ผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
- ผู้ต้องหาจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด

7. **การรายงานตัวตามข้อกำหนด**:
- ผู้ต้องหาต้องรายงานตัวตามที่ศาลกำหนด เช่น การรายงานตัวทุก ๆ 15 วัน หรือในวันที่ศาลนัดพิจารณาคดี
- หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ศาลสามารถยกเลิกการประกันตัวและออกหมายจับได้

การปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นอย่างถูกต้องและรอบคอบ จะช่วยให้กระบวนการประกันตัวในศาลชั้นต้นเป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ

***************************************

C. การประกันตัวในศาลชั้นอุทธรณ์นั้นมีกระบวนการที่คล้ายกับประกันตัวในศาลชั้นต้น แต่มีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากเป็นการพิจารณาอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้น นี่คือขั้นตอนการดำเนินการ:

1. **การยื่นคำร้องขอประกันตัว**:
- ยื่นคำร้องขอประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลชั้นอุทธรณ์ คำร้องควรเป็นลายลักษณ์อักษรและมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมจึงควรได้รับการปล่อยตัว
- จำเลยควรแสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาหลบหนี มีที่อยู่แน่นอน และมีความรับผิดชอบในการเข้ารายงานตัวตามที่ศาลกำหนด

2. **เตรียมหลักทรัพย์สำหรับการประกันตัว**:
- หลักทรัพย์ที่ใช้ในการประกันตัวอาจเป็นเงินสด โฉนดที่ดิน หรือหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร
- มูลค่าหลักทรัพย์ต้องสัมพันธ์กับลักษณะและความร้ายแรงของคดี รวมถึงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

3. **จัดเตรียมเอกสาร**:
- บัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตนของผู้ประกันและจำเลย
- เอกสารรับรองสถานะของหลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หรอือนหนังสือรับรองจากธนาคาร

4. **การพิจารณาคำร้องโดยศาลชั้นอุทธรณ์**:
- ศาลชั้นอุทธรณ์จะพิจารณาคำร้องโดยดูจากความเหมาะสมของเหตุผลที่แสดงในคำร้อง รวมถึงหลักทรัพย์ที่นำมายื่นประกอบ และพิจารณาจากคดีและการติดตามตัวของผู้ต้องหาหลังจากศาลชั้นต้นตัดสิน
- การพิจารณาอาจใช้เวลาหลายวัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดีและภาระงานของศาล

5. **การทำสัญญาประกันตัว**:
- หากศาลชั้นอุทธรณ์เห็นควรให้ประกันตัว จำเลยและผู้ประกันจะต้องทำสัญญาประกันตัว
- สัญญาจะระบุถึงเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การรายงานตัวต่อศาลตามกำหนด หรือการไม่กระทำผิดเพิ่มเติม

6. **การปล่อยตัวจำเลย**:
- หลังจากทำสัญญาประกันตัวและได้รับการยืนยันจากศาล จำเลยจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
- จำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด

7. **การรายงานตัวตามข้อกำหนด**:
- จำเลยต้องรายงานตัวตามที่ศาลกำหนด เช่น การรายงานตัวทุก ๆ 15 วัน หรือในวันที่ศาลนัดพิจารณาคดี
- หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ศาลสามารถยกเลิกการประกันตัวและออกหมายจับได้

การปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและรอบคอบ จะช่วยให้กระบวนการประกันตัวในศาลชั้นอุทธรณ์เป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ

***************************************

D. การประกันตัวในศาลฎีกามีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

1. **ยื่นคำร้องขอประกันตัว**: จำเลยหรือทนายต้องยื่นคำร้องขออนุญาตประกันตัว พร้อมหลักฐานและใบรับรองต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อศาลฎีกา

2. **การพิจารณาของศาล**: ศาลจะพิจารณาคำร้องตามเหตุผลและหลักฐานที่จำเลยนำเสนอ ศาลอาจพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงของคดี ความเสี่ยงที่จำเลยจะหลบหนี หรือความเสี่ยงที่จำเลยจะทำความผิดอีก เป็นต้น

3. **การวางหลักประกัน**: หากศาลเห็นสมควรให้ประกันตัว ศาลจะกำหนดเงินประกันหรือหลักทรัพย์ที่จำเลยต้องวางไว้ เช่น เงินสด, โฉนดที่ดิน, หรือทรัพย์สินที่มีมูลค่า

4. **รับคำสั่งประกันตัว**: เมื่อจำเลยหรือทนายวางหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว ศาลจะออกคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว

5. **ปฏิบัติตามเงื่อนไข**: จำเลยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับมาขึ้นศาลตามวันนัด หรือการไม่กระทำดีความผิดอีก

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนหรือรายละเอียดเฉพาะของการประกันตัวในศาลฎีกา ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ

***************************************
E. การยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราว (หรือประกันตัว) มีบุคคลหลากหลายที่มีสิทธิเสนอคำขอ ดังนี้:

1. **ผู้ต้องหา/จำเลย**: สามารถยื่นคำขอประกันตัวเองได้
2. **บิดา มารดา หรือผู้ปกครองของผู้ต้องหา/จำเลย**
3. **คู่สมรสของผู้ต้องหา/จำเลย**
4. **ทนายความของผู้ต้องหา/จำเลย**: ผู้แทนทางกฎหมายที่ได้รับการแต่งตั้ง
5. **ญาติหรือบุคคลที่ผู้ต้องหา/จำเลยร้องขอ**: บุคคลอื่นที่มีความสนใจในการประกันตัว เช่น ญาติสนิท เพื่อนสนิท หรือผู้ร่วมงาน

ผู้ยื่นคำขอต้องมีคุณสมบัติและหลักฐานที่ศาลพิจารณาเห็นว่าเหมาะสม เช่น ความน่าเชื่อถือ หลักทรัพย์หรือเงินประกัน และต้องสามารถรับรองได้ว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวจะไม่หลบหนีและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด

***************************************

F. หลักทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ในการประกันตัวมีหลากหลายแบบ ดังนี้:

1. **เงินสด**: การวางเงินสดเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นวิธีที่พบได้บ่อยที่สุด

2. **โฉนดที่ดิน**: สามารถนำโฉนดที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ประกันมาวางเป็นหลักทรัพย์ โดยต้องประเมินมูลค่าที่เทียบเท่าหรือสูงกว่าจำนวนเงินประกันที่ศาลกำหนด

3. **หนังสือรับรองการฝากเงิน**: หนังสือรับรองจากธนาคารที่แสดงว่ามีเงินฝากเทียบเท่าหรือสูงกว่าจำนวนเงินประกัน

4. **พันธบัตรรัฐบาล**: นำพันธบัตรมาใช้ประกันตัวได้ โดยมีมูลค่าตามที่ศาลกำหนด

5. **ทรัพย์สินอื่น ๆ**: อาจมีทรัพย์สินอื่นเช่น สินทรัพย์ที่มีมูลค่า ใช้แทนหลักทรัพย์บางครั้งที่ศาลพิจารณาและยอมรับ

ผู้ประกันจะต้องนำเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องมายื่นต่อศาล เพื่อตรวจสอบและรับรองความถูกต้องและมูลค่าของหลักทรัพย์เหล่านั้น

***************************************

G. การคืนเงินประกันตัวจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการปล่อยตัวชั่วคราวครบถ้วน ดังนี้:

1. **สิ้นสุดคดี**: เมื่อสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาคดี ไม่ว่าจะเป็นการมีคำพิพากษาศาล หรือการยกฟ้อง

2. **ปฏิบัติตามเงื่อนไข**: ผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของการปล่อยตัวชั่วคราวครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการไม่หลบหนีและการมาตามหมายเรียกของศาล

เมื่อเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ครบถ้วน ผู้ยื่นประกันสามารถยื่นคำร้องขอคืนเงินประกันที่ศาล โดยศาลจะพิจารณาคำร้องและทำการคืนเงินประกันที่ฝากไว้ในรูปแบบและวิธีที่กำหนด

***************************************

H. การที่ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวมีหลักเกณฑ์หลายประการที่ต้องพิจารณา ซึ่งรวมถึง:

1. **ความเสี่ยงในการหลบหนี**: ศาลจะพิจารณาว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสหลบหนีหรือไม่ มีการประเมินจากประวัติส่วนตัว ความน่าเชื่อถือ และความสัมพันธ์กับชุมชนหรือประเทศ

2. **อันตรายต่อสังคม**: หากผู้ต้องหาหรือจำเลยมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสังคม หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายซ้ำอีก ศาลอาจไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

3. **ความรุนแรงของข้อหา**: ศาลจะพิจารณาความรุนแรงของข้อหาที่กล่าวหา หากเป็นข้อหาที่มีความรุนแรงมาก ศาลอาจมีแนวโน้มที่จะไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

4. **หลักฐานและพยาน**: จำนวนและความแน่นหนาของหลักฐานและพยานทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยศาลอาจพิจารณาความน่าเชื่อถือของหลักฐานเหล่านั้น

5. **ประวัติการกระทำผิด**: การพิจารณาประวัติการกระทำผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยในอดีต หากมีประวัติการกระทำผิดซ้ำ ศาลอาจไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

6. **ความน่าเชื่อถือของผู้ยื่นประกัน**: ความน่าเชื่อถือและฐานะของผู้ที่ยื่นคำร้องขอประกันตัวก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณาของศาล

7. **ความสามารถในการปฏิบัติตามเงื่อนไข**: ศาลจะพิจารณาว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยมีความสามารถในการปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ เช่น มาตามหมายเรียก, ไม่หลบหนี

จากหลักเกณฑ์ข้างต้น ศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาแต่ละกรณีเป็นราย ๆ ไป โดยมุ่งให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุดแก่ทุกฝ่าย

***************************************

I. อัตราเงินประกันในแต่ละประเภทคดีอาจแตกต่างกัน

บัญชีมาตรฐานวงเงินประกันสำหรับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย ของศาลอาญามีนบุรี

ฐานความผิด เงินประกัน 

ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน  เงินประกัน 10,000 บาท

แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เงินประกัน 5,000 บาท

ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน เงินประกัน 10,000 บาท

ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยไข้กำลังประทุษร้าย เงินประกัน 20,000 บาท

คนกลางเรียกรับสินบน เงินประกัน 50,000 บาท

ให้สินบนเจ้าพนักงาน เงินประกัน 50,000 บาท

แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน เงินประกัน 10,000 บาท

สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายเจ้าพนักงาน เงินประกัน 10,000 บาท

ให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เงินประกัน 70,000 บาท

ฟ้องเท็จ เงินประกัน 50,000 บาท

เบิกความเท็จ เงินประกัน 50,000 บาท

เบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญา เงินประกัน 70,000 บาท

วางเพลิง เงินประกัน 70,000 บาท

วางเพลิงมีเหตุฉกรรจ์ เงินประกัน 400,000 บาท

ปลอมเอกสาร เงินประกัน 30,000 บาท

ปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ เงินประกัน 50,000 บาท

ปลอมเอกสารมีเหตุฉกรรจ์ เงินประกัน 100,000 บาท

แจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ เงินประกัน 30,000 บาท

ข่มขืนกระทำชำเรา เงินประกัน 200,000 บาท

ข่มขืนโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโทรมหญิง เงินประกัน 300,000 บาท

กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เงินประกัน 200,000 บาท

กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เงินประกัน 300,000 บาท

ฆ่าผู้อื่น เงินประกัน 400,000 บาท

ทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย เงินประกัน 150,000 บาท

ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 

- กรณี รถจักรยานยนต์  เงินประกัน ** 100,000 บาท

- กรณี รถยนต์ส่วนบุคคล เงินประกัน ** 120,000 บาท

- กรณี รถยนต์บรรทุก รถรับจ้าง รถโดยสาร ## เงินประกัน  150,000 บาท

ทำร้ายร่างกาย เงินประกัน 20,000 บาท

ทำร้ายมีเหตุฉกรรจ์ เงินประกัน 30,000 บาท

ทำร้ายสาหัส เงินประกัน 100,000 บาท

ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ** เงินประกัน 30,000 บาท

พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เงินประกัน 150,000 บาท

พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไม่เกิน 18 ปี เงินประกัน 100,000 บาท

พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไม่เกิน 18 ปี เพื่อหากำไร บาท

หรือเพื่อการอน่าจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจ เงินประกัน 100,000 บาท

หมิ่นประมาท เงินประกัน 10,000 บาท

หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เงินประกัน 20,000 บาท

ลักทรัพย์ เงินประกัน 30,000 บาท

ลักทรัพย์ (เหตุฉกรรจ์)

วรรคแรก ลักทรัพย์อนุมาตราเดียว

วรรคสอง สองอนุมาตรา เงินประกัน 50,000 บาท

วรรคสาม ทำต่อใค กระบือ เครื่องกล เงินประกัน 70,000 บาท

วิ่งราวทรัพย์ เงินประกัน 100,000 บาท

วรรคแรก วิ่งราวทรัพย์ เงินประกัน 50,000 บาท

วรรคสอง รับอันตรายแก่กาย  เงินประกัน 70,000 บาท

วรรคสาม รับอันตรายสาหัส เงินประกัน 100,000 บาท

วรรคสี่ ถึงแก่ความตาย  เงินประกัน 150,000 บาท

กรรโชก เงินประกัน 50,000 บาท

ชิงทรัพย์

- วรรคแรก ชิงทรัพย์ เงินประกัน 100,000  บาท

- วรรคสอง กระทำต่อทรัพย์ ตาม ม.335 หรือทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรม เงินประกัน 150,000 บาท

- วรรคสาม ได้รับอันตรายแก่กาย เงินประกัน 200,000  บาท

- วรรคสี่ ได้รับอันตรายสาหัส เงินประกัน 200,000 บาท

- วรรคห้า ถึงแก่ความตาย เงินประกัน 400,000 บาท

 

ปล้นทรัพย์

- วรรคแรก ปล้นทรัพย์ เงินประกัน 150,000 บาท

- วรรคสอง มีอาวุธ เงินประกัน 200,000 บาท

- วรรคสาม รับอันตรายสาหัส เงินประกัน 300,000 บาท

- วรรคสี่ โดยแสดงความทารุณ เงินประกัน 300,000 บาท

- วรรคห้า ถึงแก่ความตาย เงินประกัน 400,000 บาท

 

ฉ้อโกง (ทรัพย์ไม่เกิน 500,000 บาท) เงินประกัน 30,000 บาท

ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เงินประกัน 50,000 บาท

ฉ้อโกงประชาชน เงินประกัน 50,000 บาท

ยักยอก (ทรัพย์ไม่เกิน 500,000 บาท) เงินประกัน 30,000 บาท

ทำให้เสียทรัพย์ (ทรัพย์ไม่เกิน 500.000 บาท) เงินประกัน 30,000 บาท

บุกรุก เงินประกัน 10,000 บาท

บุกรุกมีเหตุฉกรรจ์ เงินประกัน 50,000 บาท

พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ฯ

- ซื้อ มี สั่งอาวุธปืนไม่มีทะเบียน

ก. ปืนสั้น (รวมถึงปืนไฟแช็กและปืนปากกา) เงินประกัน 50,000 บาท

ข. ปืนยาว ปืนแก๊ป เงินประกัน 10,000 บาท

ค. ปืนยาวอัดลม เงินประกัน 5,000 บาท

- ปืนไม่มีทะเบียน และพาติดตัวไปในเมืองฯ เงินประกัน 40,000 บาท

- ปืนไม่มีทะเบียน และพาไปโดยเปิดเผยฯ เงินประกัน 50,000 บาท

- ปืนมีทะเบียนของผู้อื่น และพาติดตัวไปในเมืองฯ เงินประกัน 30,000 บาท

- ปืนมีทะเบียนของผู้อื่น และพาไปโดยเปิดเผยฯ เงินประกัน 40,000 บาท

- ปืนมีทะเบียนของตนเอง มีใบธนุญาตให้พกพา แต่พาไปโดยเปิดเผย เงินประกัน 5,000 บาท

- มีเครื่องกระสุนเพียงอย่างเดียว เงินประกัน 10,000 บาท

- ทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง นำเข้า ค้าหรือจำหน่ายวัตถุระเบิด เงินประกัน 100,000 บาท

พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ

- นำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร (ม.63) เงินประกัน 100,000 บาท

- ให้ที่พักหรือซ่อนเร็นคนต่างด้าว (ม.64) เงินประกัน 50,000 บาท

- อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ม.81) เงินประกัน 20,000 บาท

พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

- ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดฯ (ขับ-เสพ) เงินประกัน 10,000 บาท

พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ

ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามึน)

- สารบริสุทธิ์ ไม่เกิน 0.2 กรัม / ไม่เกิน 10 เม็ด เงินประกัน 5,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ เกิน 02 กรัม แต่ไมถึง 0.375 กรัม / เทิน 10 แต่ไม่ถึง 15 15 เมื่อ เงินประกัน 10,000 บาท

ครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้ไทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน)

- สารบริสุทธิ์ ไม่เกิน 0.250 กรัม / ไม่เกิน 10 เม็ด เงินประกัน 150,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ เกิน 0.250 กรัม แต่ไม่ถึง 0.375 กรัม / เทิน 10 แต่ใม่ถึง 15 เมื่อ เงินประกัน 250,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ ตั้งแค่ 0.75 กรัม มตไนเกิน 1.25 กรัม / ตั้งแห่ 15 แต่ในเกิน 50 เม็ด เงินประกัน 300,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ เกิน 1.25 กรัม แต่ไม่เกิน 25 กรัม / เทิน 50 แต่ไม่เกิน 100 เม็ด เงินประกัน 400,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ เกิน 25 กรัม แต่ในเกิน 375 กรัม / เห็น 100 แม็ค แต่โม่เกิน 150 เม็ด เม็นคดค เงินประกัน 600,000 บาท

- สารบริสุทธิ์ เกิน 3.75 กรัมขึ้นไป / เกิน 150 เม็ด ขึ้นไป  * *เป็นดุลพินิจของศาล**

( หมายเหตุ : แนวทางสำหรับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยตามคำแนะนำของประระธานศาลฎีกาเกี่ยวกัยวกับมาตราฐานกลางสำหรับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย พ.ศ. 2563)

**ในครามผิดที่มีความเสียหายต่อทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหรือส่งผลเสียหายในวงกว้าง ศารจะพิจารณากำหนดวงเงินประกันไม่เกิน 1/3 ขอราคาหรือมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย แต่หากมีพฤติการณ์พิเศษในคดีก็อาจกำหนดวงเงินสูงกว่าหรือต่ำกว่าเกณฑ์ได้

** มีพฤติการณ์ร้ายแรงให้วางหลักประกัน ทั้งนี้ การกำหนดวงเงินประกันกันในแต่ละคดี ถือเป็นพินิจของศาลในการพิจารณาตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งคดี ภายใต้คำแนะนำของประธานศาลฎีกา

Visitors: 57,250