กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
1. เปิดเพลงในร้านอาหาร ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์หรือไม่
2. เพื่อการกุศล ผิดกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่
3. เสนอผลงานประเภทใดไม่เป็นละเมิดลิขสิทธ์
4. เพลงดัง หนังดี ก็อปปี้ไม่ได้
5. ไม่ว่าอาชีพใหน ต้องใส่ใจเรื่องลิขสิทธิ์
6. เครื่องหมายการค้า จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือไม่
7. สิทธิการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า
8. เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ได้หรือไม่
9. การละเมิดลิขสิทธิ์ทางอ้อม
10. การละเมิดลิขสิทธิ์การดนตรี
11. งานใดบ้างที่ไม่ถือเป็นลิขสิทธิ์
12. เครื่องหมายการค้า
13. อนุสิทธิบัตร
14. การประดิษฐ์คืออะไร
15. สิทธิบัตรคืออะไร
16. ลิขสิทธิ์กับทรัพย์สิน
17. ลิขสิทธิ์คืออะไร
ขอบคุณข้อมูลจากเพจรู้หมดกฎหมาย มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาข้อมูลสู้คดีได้ที่เวปไซต์นี้ www.ใกล้คุณ.com
***************************************
1. เปิดเพลงในร้านอาหาร ผิดกฎหมายลิขสิทธิหรือไม่
ร้านอาหารโดยส่วนใหญ่ นิยมเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีข้อถกเถียงกันว่าการเปิดเพลงในร้านอาหารถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่า งานใด ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ ๑) ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ ๒) เผยแพร่ต่อสาธารณชน ๓) แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ และ ๔) นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร และหากใครฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาทถึง 100,000 บาท และหากเป็นการกระทำเพื่อการค้าผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 70
จากข้อกฎหมายดังกล่าว การเปิดเพลงในร้านอาหารกินข้าวธรรมดาไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะถือว่าไม่ได้เป็นการแสวงหากำไร แต่ถ้าเมื่อไหร่การเปิดเพลงนั้นเป็นไปเพื่อแสวงหากำไร “โดยตรง” หากฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกหรือปรับได้
ปรึกษาทนายสู้คดี 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
2. เพื่อการกุศล ผิดกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่
การนำผลงานเพลงมาจัดแสดง หากทำเพื่อการกุศล อาทิ งานสังคมสงเคราะห์ เช่น งานของสภากาชาดไทย การจัดกิจกรรม หารายได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ งานด้านการศึกษาการศาสนาสามารถทำได้โดยไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์
โดยศิลปินที่มาร้องเพลงจะต้องไม่มีค่าตัว งานที่จัดขึ้นก็ต้องไม่แสวงหา กำไรหรือผลประโยชน์ส่วนตัว และที่สำคัญต้องไม่มีผลกระทบ ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย เป็นไปตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 32 และมาตรา 36
อยู่กรุงเทพ ปรึกษาทนายกรุงเทพ 099 464 4445 ค้นหาทนายความได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายกรุงเทพ.com
***************************************
3. เสนอผลงานประเภทใดไม่เป็นละเมิดลิขสิทธ์ผลงานบางประเภทก็ถือไม่ละเมิดสิทธิ์
ประชาชนทั่วไปนำไปใช้อ้างอิงได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของประโยชน์สาธารณะได้แก่ ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริง ต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร มิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
นอกจากนี้เรื่องของรัฐธรรมนูญ กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือของท้องถิ่น คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการก็ใช้ได้ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 7
อยู่ต่างจังหวัด ปรึกษาทนายความในจังหวัดของคุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายความในจังหวัดของคุณได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
4. เพลงดัง หนังดี ก็อปปี้ไม่ได้
พ่อค้าหัวใสสมัยนี้ คิดหากำไรด้วยวิธีง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงคนที่เป็นเจ้าของ ผลงานสร้างสรรค์ ด้วยการไปก๊อปปี้บทเพลง และภาพยนตร์ หรือสินค้าต่างๆ และนำมาขายในท้องตลาด ในราคาแสนถูก โดยไม่ขออนุญาตเจ้าของผลงาน ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหาย อาจต้องเสี่ยงติดคุกหากเจ้าของผลงานเอาเรื่อง ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 69 โดยเฉพาะหากทำเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 4 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท
ปรึกษาทนายสู้คดี 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
5. ไม่ว่าอาชีพใหน ต้องใส่ใจเรื่องลิขสิทธิ์
ประเทศไทยมักมีชื่อเรื่องอยู่ในโผของการไม่สนใจเรื่องลิขสิทธิ์ ทั้งที่เรามี พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 และมาตรา 6 ซึ่งให้นิยามความหมาย ของคำว่าลิขสิทธิ์ไว้ชัดว่า หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวของผู้คิดค้นผลงาน โดยใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเอง ในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น
ทั้งนี้มีผลงาน 9 ประเภท ที่กฎหมายให้การคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้อง จดทะเบียน ประกอบด้วยงานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
ดังนั้นไม่ว่าเราจะอยู่อาชีพไหน เรื่องของลิขสิทธิ์ก็เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งนั้น
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
6. เครื่องหมายการค้า จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือไม่
เครื่องหมายการค้า มีทั้งกรณีที่จดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ แต่เมื่อมีกรณีบุคคลอื่น นำเครื่องหมายการค้าของตนไปใช้หรือกระทำละเมิด เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น ที่จะมีสิทธิเรียกร้องความเสียหายค่าสินไหมทดแทนได้ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพุทธศักราช 2534 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง แต่ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน อาจใช้สิทธิฟ้องร้องบุคคลที่นำเครื่องหมายการค้าของตนไปหลอกขายผู้บริโภคโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของสินค้า ซึ่งเป็นการหลอกลวงแหล่งที่มาของสินค้าและความเป็นเจ้าของสินค้าได้ ตามมาตรา 46 วรรคสอง
มีคดีที่ศาลใหน ปรึกษาทนายใกล้ศาลนั้น 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้ศาลได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้ศาล.com
***************************************
7. สิทธิการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า
เมื่อเจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนการค้าแล้ว ย่อมมีสิทธิ์แต่ผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้น ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พุทธศักราช 2534 มาตรา 44 โดยมีสิทธิที่จะอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายของตนได้ โดยทำเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร และนำไปจดทะเบียนตามบทบัญญัติของมาตรา 68 วรรคหนึ่งและวรรคสองแห่งพระราชบัญญัตินี้ นอกจากนี้ยังมีสิทธิที่จะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นล่วงละเมิด นำเครื่องหมายการค้าของตน ไปใช้อ้างว่าเป็นเครื่องหมายการค้าเดียวกันกับสินค้าอื่นๆ ของบุคคลอื่นในทางที่เสียหาย และหากมีผู้กระทำละเมิดต่อเครื่องหมายสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เจ้าของเครื่องหมายการค้าอาจใช้สิทธิเรียกร้องความเสียหายอันเป็นค่าสินไหมทดแทนได้
อยู่กรุงเทพ ปรึกษาทนายกรุงเทพ 099 464 4445 ค้นหาทนายความได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายกรุงเทพ.com
***************************************
8. เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ได้หรือไม่
เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิ์นำผลงานของตนเองไปหาประโยชน์เพื่อตนเองได้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 15 โดยการอนุญาตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธิ์ ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ 1. สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิไม่เด็ดขาด หมายถึง เจ้าของลิขสิทธิ์ มีสิทธิ์ที่จะนำลิขสิทธิ์ของตนให้ผู้อื่นใช้งานโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งและจำนวนบุคคล 2. สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว หมายถึง สัญญาที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดใช้งานในลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว และเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธินำงานนั้นไปให้ผู้อื่นใช้งานในลิขสิทธิ์ได้อีก แต่เจ้าของลิขสิทธิ์ยังคงมีสิทธิในงานนั้นอยู่เช่นเดิม และ 3. สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์อย่างเด็ดขาด หมายถึง สัญญาที่กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตแต่ผู้เดียวมีสิทธินำงานนั้นไปทำซ้ำดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือกรณีอื่นๆ ที่กำหนดไว้ โดยที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิที่จะใช้งานของตน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่รับอนุญาตอย่างเด็ดขาดนี้จะกลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างแท้จริง
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
9. การละเมิดลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 นอกจากผู้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรงต้องรับผิดตามกฎหมายแล้วกฎหมายยังกำหนดให้มีผู้รับผิดอีกกรณีหนึ่ง หรือเรียกว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ชั้นรองหรือทางอ้อม โดยผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในลักษณะนี้ไม่ได้เป็นผู้กระทำซ้ำ หรือดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือกระทำการอื่นๆ ที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง แต่เป็นการนำผลงานที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นงานละเมิดลิขสิทธิ์มากระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อหากำไร ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ตามมาตรา31 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท และหากกระทำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 70
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
10. การละเมิดลิขสิทธิ์ทางดนตรี
ดนตรีกรรม หมายถึง ผลงานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้องไม่ว่าจะเป็นเพลงที่มีทั้งทำนองและคำร้อง หรือมีเพียงทำนองอย่างเดียว นอกจากนี้ดนตรีกรรม ยังหมายความรวมถึงโน้ตเพลงหรือแผนภูมิเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียงเสียงประสานแล้ว แต่ถ้ามีเนื้อเพลงอย่างเดียวไม่มีตัวโน้ตหรือทำนองเพลงไม่ถือว่าผลงานชิ้นนั้นเป็นดนตรีกรรม แต่เป็นผลงานในลักษณะของวรรณกรรมประเภทหนึ่งอย่างไรก็ตาม การนำทำนองเพลงหรือเนื้อเพลงซึ่งมีผู้ประพันธ์ขึ้นไปกระทำการใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกันตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 27 และหากนำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้า ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือทั้งจำทั้งปรับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 69
มีคดีที่ศาลใหน ปรึกษาทนายใกล้ศาลนั้น 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้ศาลได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้ศาล.com
***************************************
11. งานใดบ้างที่ไม่เป็ลลิขสิทธิ์
ผลงานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 7 ได้แก่งานดังต่อไปนี้ 1. ข่าวประจำวันและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร 2. รัฐธรรมนูญและกฎหมาย 3. ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือตอบโต้ของ กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือท้องถิ่น 4. คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ และ 5. คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ของกระทรวง ทบวง กรมหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือท้องถิ่นต่างๆ ได้จัดทำขึ้น
ผลงานดังกล่าวข้างต้นนี้ ถือเป็นงานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ เนื่องจากงานดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้รับทราบข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนส่วนรวม นอกจากนี้ประชาชนยังได้รับรู้กฎหมาย ซึ่งเป็นกติกาของสังคมที่อยู่ร่วมกัน จะได้ไม่ฝ่าฝืนข้อกฎหมายหรือกระทำความผิดใดๆ พร้อมทั้งเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันโดยสันติและมีความสงบสุข
อยู่กรุงเทพ ปรึกษาทนายกรุงเทพ 099 464 4445 ค้นหาทนายความได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายกรุงเทพ.com
***************************************
12. เครื่องหมายการค้า
คำว่า เครื่องหมายการค้า ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพุทธศักราช 2534 มาตรา 4 หมายถึง เครื่องหมายที่ใช้แสดงว่าสินค้าตามเครื่องหมายการค้านั้น มีความแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการแยกความแตกต่างของสินค้า เพื่อให้ประชาชนหรือผู้บริโภคเห็นความแตกต่างระหว่างสินค้าของตนกับสินค้าของบุคคลอื่นที่อาจจะแตกต่างในเรื่องคุณภาพของสินค้าหรือปริมาณสินค้า ซึ่งความเป็นจริงเครื่องหมายการค้าทำหน้าที่อยู่หลายประการ เช่น บอกแหล่งที่มาของสินค้าบอกความแตกต่างของสินค้า บอกถึงหน้าที่การประกันคุณภาพของสินค้า รวมถึงทำหน้าที่โฆษณาตัวสินค้า เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปเลือกซื้อสินค้าที่ตนเองต้องการ อาทิ ผงซักฟอก มียี่ห้อเครื่องหมายสินค้ามากมาย จึงขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชนทั่วไปว่าจะเลือกซื้อ หรือเชื่อคำโฆษณาของสินค้าและยี่ห้อใด โดยเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามเครื่องหมายการค้าจะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้
อยู่ต่างจังหวัด ปรึกษาทนายความในจังหวัดของคุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายความในจังหวัดของคุณได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
13. อนุสิทธิบัตร
อนุสิทธิบัตร ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พุทธศักราช 2522 มาตรา 3 วรรคสอง หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ตามที่กำหนดไว้ซึ่งมีลักษณะเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ และเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้ ทั้งนี้หากเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะตรงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก็สามารถนำไปจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรได้
อยู่กรุงเทพ ปรึกษาทนายกรุงเทพ 099 464 4445 ค้นหาทนายความได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายกรุงเทพ.com
***************************************
14. การประดิษฐ์คืออะไร
การประดิษฐ์ หมายถึง การคิดค้นหรือทำขึ้น อันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ดังนั้นการประดิษฐ์จึงเกิดจากการกระทำของมนุษย์ในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พุทธศักราช 2522 มาตรา 3 วรรคสาม เช่น แร่ธาตุ จุลชีพ กรณีดังกล่าวจึงจะถือว่าเป็นการประดิษฐ์
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตตัวยารักษาโรคที่ยังไม่มีใครเคยผลิตได้ และ 2. สิทธิบัตรกรรมวิธี เช่น การคิดค้นประดิษฐ์กรรมวิธีรักษาอาหารให้มีคุณภาพดีขึ้นและยาวนานขึ้น เป็นต้น โดยสิ่งประดิษฐ์ที่จะขอสิทธิบัตรได้จะต้องประดิษฐ์ โดยมีองค์ประกอบ 3 ประการ ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพุทธศักราช 2522 มาตรา 5 ดังนี้ 1. เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ 2. มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น และ 3. สามารถนำไปประยุกต์ในทางอุตสาหกรรมได้ และจะต้องไม่มีลักษณะที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
มีคดีที่ศาลใหน ปรึกษาทนายใกล้ศาลนั้น 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้ศาลได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้ศาล.com
***************************************
15. สิทธิบัตรคืออะไร
สิทธิบัตร คือ หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์และการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอีกประเภทหนึ่งที่กฎหมายให้การคุ้มครองความคิดของมนุษย์ที่คิดค้นขึ้น แต่สิทธิบัตร จะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พุทธศักราช 2522 ต้องได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย ซึ่งสิทธิบัตรแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 2. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ 3. อนุสิทธิบัตรสำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ และอนุสิทธิบัตร เป็นสิทธิบัตรที่ให้ความคุ้มครองแก่การประดิษฐ์ ส่วนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นสิทธิบัตรที่ให้ความคุ้มครองแก่การออกแบบผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม สิทธิบัตรทั้งสามประเภทนี้เป็นการให้ความคุ้มครองความคิดหรือผลแห่งความคิด ซึ่งมีลักษณะเป็นนามธรรมเป็นการผูกขาดความคิด แตกต่างกับลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นการคุ้มครองผลงานการสร้างสรรค์ที่เป็นการแสดงออกของความคิดโดยไม่ต้องนำไปจดทะเบียนเหมือนอย่างสิทธิบัตร
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
16. ลิขสิทธิ์กับทรัพย์สิน
ลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินเช่นเดียวกับทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้ ทรัพย์สินอาจมีรูปร่างหรือไม่มีรูปร่างก็ได้ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากปัญญาของมนุษย์ที่ไม่มีรูปร่าง แต่อาจมีราคาหรือไม่มีราคาก็ได้ ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันระหว่างทรัพย์สินและลิขสิทธิ์คือ สิทธิในการเป็นเจ้าของที่จะหวงห้ามไม่ให้ผู้อื่นนำงานของเจ้าของลิขสิทธิ์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสิทธิความเป็นเจ้าของและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1336 หมายถึง สิทธิในการใช้สอยจำหน่าย จ่าย โอน ตัวทรัพย์และเรียกคืนตัวทรัพย์จากผู้อื่นได้ ด้านสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะไม่ให้บุคคลอื่นนำงานอันเป็นลิขสิทธิ์ไปทำซ้ำหรือดัดแปลงในตัวลิขสิทธิ์ เช่น บุคคลที่ซื้อภาพถ่ายอันเป็นลิขสิทธิ์ประเภทศิลปกรรม บุคคลนั้นมีกรรมสิทธิ์ในตัวภาพถ่าย มีสิทธิ์นำตัวภาพถ่ายไปขายหรือยกให้บุคคลอื่นก็ได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะนำภาพถ่ายอันมีลิขสิทธิ์ไปพิมพ์ซ้ำ ดัดแปลง แล้วนำไปหาประโยชน์ส่วนตัวในภาพดังกล่าวได้ หากกระทำไปถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ปรึกษาทนายสู้คดี 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
17. ลิขสิทธิ์คืออะไร
มนุษย์ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์งานอย่างมากมาย ดังนั้นเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบแนวความคิดของกันและกัน พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 4 ได้กำหนดสิทธิให้แก่ผู้ทำ หรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ ซึ่งตามมาตรา 6 ได้บัญญัติงานที่มีลิขสิทธิ์ไว้ทั้งหมดรวม 9 ประเภท ได้แก่ 1. งานวรรณกรรม 2. นาฏกรรม 3. ศิลปกรรม 4. ดนตรีกรรม 5. โสตทัศนวัสดุ 6. ภาพยนตร์ 7. สิ่งบันทึกเสียง 8. งานแพร่ภาพแพร่เสียงหรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี และ 9. แผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะของผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่าผลงานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีและรูปแบบใดก็ตาม แต่เมื่อมีการแสดงออกมาแล้วก็ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ทำขึ้น โดยกฎหมายให้ความคุ้มครองทันที โดยไม่ต้องนำไปจดทะเบียนก่อนแต่อย่างใด ดังนั้นเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่น นักเขียนแต่งนิยาย หรือแต่งเพลงขึ้นมา ผู้แต่งผลงานนั้นจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียว และมีสิทธิ์กระทำซ้ำ ดัดแปลงในงานนั้น เป็นต้น
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************
18. สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
กฎหมายได้ให้สิทธิแก่ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานที่แสดงออกมาจากความคิดความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของตนเองด้วยความวิริยะอุตสาหะ โดยไม่ได้ทำซ้ำลอกเลียนแบบความคิดของคนอื่น ไว้ว่า ผู้สร้างสรรค์ผลงานย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ที่สามารถกระทำการใดๆ ได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 5 ประการ ดังนี้ 1. ทำซ้ำหรือดัดแปลง 2. เผยแพร่ต่อสาธารณชน 3. ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง 4. ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น และ 5. อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์ในผลงานของตน
มีคดีที่ศาลใหน ปรึกษาทนายใกล้ศาลนั้น 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้ศาลได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้ศาล.com
***************************************
19. การละเมิดลิขสิทธิ์
กฎหมายกำหนดไว้ว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์กระทำซ้ำหรือดัดแปลงผลงาน รวมทั้งเผยแพร่ผลงานต่อสาธารณชน ตลอดจนให้เช่าต้นฉบับหรือกระทำการใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์จากผลงาน และอนุญาตให้ผู้อื่นมีสิทธิในผลงานได้ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 15 แต่หากผู้ใดกระทำการดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 มาตรา 27 ซึ่งการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทและหากการกระทำความผิดนั้นกระทำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 69
อยู่ต่างจังหวัด ปรึกษาทนายความในจังหวัดของคุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายความในจังหวัดของคุณได้ที่เวปไซต์นี้: www.ทนายใกล้คุณ.com
***************************************